การปฏิบัติตัว หลังเสริมจมูก

การเตรียมตัว และข้อห้ามก่อนเสริมจมูก

การเตรียมตัวที่จะช่วยให้การเสริมจมูกของเราราบรื่น
การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมตา และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมตา ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
6 ข้อแนะนำก่อนและหลังศัลยกรรมตา

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมตา การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดศัลยกรรมตา
Green Coffee Bean ทางเลือกในการควบคุมน้ำหนัก

เป็นที่รู้กันดีว่าการลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายสำหรับเราหลายๆคน แต่หากคุณกำลังมองหาทางออกนอกเหนือจากเรื่องวิธีการออกกำลังกาย หรือที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ เป็นธรรมชาติและปลอดภัยต่อตัวคุณเอง นี่อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ Green Coffee Bean เป็นเมล็ดกาแฟสดสีเขียวที่ไม่ผ่านการคั่ว เมื่อนำไปสกัดจะได้สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) เป็นกลุ่มของสารที่พบได้ในพืชผักผลไม้ทั่วไป มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งพบได้ตามธรรมชาติในผัก ผลไม้ ใบชา ไวน์ ดาร์กช็อกโกแลต เครื่องเทศต่าง ๆ และมีการนำมาสกัดเป็นอาหารเสริม สารสกัดโพลีฟีนอล (Polyphenols) ที่ได้จาก Green Coffee Bean คือ กรดคลอโรเจนิค (Chlorogenic Acid) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายและมีความเข้มข้นภายในเมล็ดกาแฟสดที่ยังไม่ผ่านกระบวนการคั่ว เนื่องจากกระบวนการคั่วจะทำให้กรดคลอโรเจนิคถูกทำลายไปประมาณ 60% ในการคั่วแบบปานกลาง แต่ถ้าเป็นการคั่วเข้มมีโอกาสสูญเสียสารสำคัญนี้ไปเกือบ 100% นอกจากนั้นการคั่วเมล็ดกาแฟยังมีผลต่อปริมาณคาเฟอีน เนื่องจากสารสกัดกรีนคอฟฟี่บีนจากเมล็ดกาแฟสดสีเขียวที่ไม่ผ่านการคั่ว จะมีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วแล้ว กลไกการออกฤทธิ์ของกรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) ในการช่วยลดน้ำหนัก ช่วยยับยั้งการดูดซึมของไขมัน และการทำงานของเอ็นไซม์ที่ย่อยไขมัน (Pancreatic Lipase) ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และยังช่วยยับยั้งการดูดซึมของคาร์โบไฮเดรต และการทำงานของเอ็นไซม์อัลฟ่ากลูโคซิเดส (α-Glucosidase) ซึ่งจะช่วยชะลอการดูดซึมกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือด และเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหาร นอกจากนี้ การวิจัยยังพบว่าสารสกัดจากเมล็ดกาแฟไม่คั่วยังสามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน […]
ดริปวิตามินผิว ได้ผลจริงมั้ย ?

ดริปวิตามินผิว เป็นเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีบำรุงผิวที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเป็นการฉีดสารอาหารและวิตามินต่างๆ เข้าสู่ร่างกายโดยตรง ผ่านสายน้ำเกลือ แต่คำถามที่หลายๆคนยังสงสัยในเรื่องของผลลัพธ์ของบริการดริปวิตามินผิวคือ มันได้ผลจริงหรือไม่ ? คำตอบคือ ได้ผลจริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนี้ นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการดริปวิตามินผิว ได้แก่ สรุป ดริปวิตามินผิวเป็นวิธีบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ควรเลือกสูตรดริปวิตามินผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิว ดูแลตัวเองหลังการดริปผิวอย่างถูกต้อง และเลือกสถานที่ทำดริปผิวที่สะอาด ปลอดภัย เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและยาวนาน
โบท็อกซ์รักษาไมเกรนได้จริงหรือ?

อาการปวดศีรษะเรื้อรัง หรือปวดศีรษะไมเกรน (Chronic Migraine) พบได้บ่อยในผู้หญิงเป็นอาการที่สร้างความทรมานและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจปวดรุนแรงมากจนไม่สามารถทำงานได้ และยังมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง และไวต่อแสง เสียง หรือกลิ่นมากขึ้นด้วย ซึ่งวิธีการรักษา นอกจากกินยา นวดกดจุด หรือฝังเข็มแล้ว การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน คือหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความสนใจ เพราะมีงานวิจัยยืนยันถึงผลลัพธ์หลังฉีด ผลของการรักษาไมเกรนจะคงอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน จากนั้นจึงต้องทำการรักษาซ้ำ โบท็อกซ์เป็นสารที่ใช้ในการฉีดเพื่อรักษาความผิดปกติของกล้ามเนื้อและโรคอื่นๆ โดยทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า Acetylcholine ซึ่งสารสื่อประสาทนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหดตัวของกล้ามเนื้องานวิจัยพบว่าโบท็อกซ์สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนได้จริง โดยสามารถลดอาการปวดลงได้ 60 – 70% ซึ่งแม้จะรักษาไม่หายขาด แต่ก็สามารถบรรเทาและลดความถี่ของอาการไมเกรนลงได้ วิธีฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาไมเกรนการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน จะฉีดโบท็อกรอบๆศีรษะจำนวน 31 จุด ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยจะค่อย ๆ ฉีดโบท็อกเข้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ ขมับ ระหว่างคิ้ว ไล่ลงมายังจุดฉีดบริเวณท้ายทอย ต้นคอ และบ่า ทั้งนี้ จำนวนจุดที่ฉีดขึ้นกับอาการในแต่ละเคส ข้อควรระวังการฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาไมเกรนเป็นการรักษาที่ต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์เองหรือฉีดจากคลินิกที่ไม่มีมาตรฐาน และการฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาไมเกรนอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน […]
ทรีทเม้นท์หน้าใส เลือกแบบไหนเหมาะกับเรา?

ทรีทเม้นท์หน้าใส เป็นวิธีการดูแลผิวหน้าด้วยการใช้เทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์เฉพาะ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง ริ้วรอย รวมไปถึงปัญหาสิว ในปัจจุบันมีทรีทเม้นท์หน้าใสหลากหลายประเภทให้เลือกขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยประเภทของทรีทเม้นท์หน้าใสแบบต่างๆ แบ่งออกเป็น ทรีทเม้นท์ผลัดเซลล์ผิว การผลัดเซลล์ผิวหน้าจริงๆแล้วเป็นเรื่องธรรมชาติของร่างกายเรา เพราะการทำงานของเซลล์ผิวหนัง จะมีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เพื่อให้เซลล์ผิวใหม่ได้ขึ้นมาแทนอยู่แล้ว โดยเป็นการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดหรือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ออกไปจากชั้นผิวหนังในรูปแบบขี้ไคล เพื่อเปิดโอกาสให้เซลล์ผิวหนังใหม่ขึ้นมาทดแทน ปกติแล้วการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะมีรอบการผลัดอยู่ที่ประมาณ 28 วัน เพียงแต่ว่าเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ผลัดเซลล์ผิวและการสร้างผิวใหม่ทดแทนก็จะใช้เวลานานขึ้นตามอายุเช่นกัน และการใช้ตัวช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ก็ควรทำอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายผิวหนังของเราจนเกิดรอยแผลหรือระคายเคือง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ การผลัดเซลล์ผิวโดยใช้สารเคมี (Chemical peeling) ใช้สารเคมีในการผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดผลไม้ (AHA) กรดวิตามินเอ (BHA) และกรดไฮยาลูโรนิก (HA) และทรีทเม้นท์ทางกายภาพ (Physical) ใช้อุปกรณ์ในการผลัดเซลล์ผิว เช่น Microdermabrasion หรือไมโครเดอมาเบรชั่น เป็นการวิธีการขัดผิวชั้นนอกเและไอออนโต (Ionto) หรือ ไออนโตโฟเรซิส (Iontophoresis) คือการใช้ประจุไฟฟ้าชนิดพิเศษ เป็นตัวกระตุ้นรูขุมขนให้เปิดกว้างขึ้น […]
ลดน้ำหนักทางเลือกยุคใหม่ ด้วยสารจากธรรมชาติ

ปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่หันมาสนใจผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมากขึ้น เพื่อช่วยลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติส่วนใหญ่มีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต่างจากยาลดน้ำหนักหรืออาหารเสริมบางชนิดที่มีสารเคมีและอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ช่วยลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนนั้นมีหลายชนิด ในที่นี้เราจะพูดถึงผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีการวิจัยเบื้องต้นรองรับ ได้แก่ ข้อควรระวังผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน แม้จะปลอดภัยกว่ายาลดน้ำหนัก แต่ทางที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะ คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อลดน้ำหนักควบคู่กับการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร โดยควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และควบคุมปริมาณแคลอรีที่ได้รับในแต่ละวัน อ้างอิง
เช็กด่วน!! 3 ประเภทผิวที่ควรทำเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส หรือ Mesotheraphy เป็นการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อบำรุง ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่างๆ บนผิวหน้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น ขาวกระจ่างใส ลดการอักเสบ ช่วยขับสารพิษที่สะสมและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ซึ่งเมโสหน้าใสนั้นเหมาะกับคนที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส ผิวแห้ง ขาดน้ำ ผิวมีรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น ซึ่งเมโสหน้าใสจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาดูกระจ่างใส เนียนนุ่ม และดูสุขภาพดีได้ ซึ่งจะเข้าไปช่วยแตกต่างกันไปในแต่ละประเภทผิวเช่น เมโสหน้าใส แต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติและเหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ดังนี้ หลังจากการฉีดเมโสหน้าใส สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวหน้าที่ดีขึ้นได้ในช่วง 3 วันแรก หลังจากนั้นภายใน 7-14 วัน ก็จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงชัดเจนยิ่งขึ้น และเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ของผิวหน้าที่ยังคงความสวยใสต่อไปยาวนาน แนะนำให้ฉีดอาทิตย์ละ 1 ครั้งในเดือนแรก หลังจากนั้นควรฉีดทุก 2 อาทิตย์ในช่วงเดือนที่ 2 เป็นต้นไปซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้น ผิวจะกระจ่างใสขึ้น เนียนนุ่มขึ้น และดูสุขภาพดีแต่ก็มีข้อควรระวังในการทำเมโสหน้าใสด้วย จึงอยากให้ทราบกันไว้ก่อนทำเมโสหน้าใสควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม อ้างอิง